Violoncello

เชลโล่ตัวแรกๆถูกสร้างขึ้นที่ประเทศอิตาลี ประมาณศตวรรษที่ 16 เนื่องจากผู้ประพันธ์ต้องการโทนเสียงที่ต่ำในบทประพันธ์ของตน ดังนั้นเครื่องดนตรีที่มีเสียง 1 ออคเตป ต่ำกว่า วิโอล่า และ 1 ออคเตป กับคู่ 5 ต่ำกว่าไวโอลินจึงถูกสร้างขึ้น ชื่อเรียกที่ถูกต้องของเชลโล่ คือ ไวโอลินเชลโล่ (Violincello) ซึ่งในภาษาอิตาเลียนหมายถึง “little Violone” ซึ่งสามารถอ้างอิงได้ว่าแท้จริงแล้วเชลโล่นั้นพัฒนามาจาก เบสไวโอลิน (Bass violin) ไม่ใช่ Viol อย่างที่หลายคนเชื่อกัน ส่วน ดับเบิลเบส (Double Bass) นั้น พัฒนามาจากเชลโล่ในภายหลัง
รูปของเครื่องดนตรีที่เรียกว่า "วิโอล"
บีโทเฟนและบาร์คผู้นำพาเชลโล่ให้เป็นที่รู้จัก
บาร์คและบีโทเฟน สองนักประพันธ์ผู้ยิ่งใหญ่เป็น นักประพันธ์กลุ่มแรกที่ให้เชลโล่มามีส่วนสำคัญในงานประพันธ์ของเขา ซึ่งส่งผลให้นักเชลโล่ปรับตัว และพัฒนาฝีมือขึ้น ในไม่ช้าเชลโล่ก็ได้รับความนิยมอย่างมาก ระหว่างพวกชนชั้นสูง (Royal families)
ในปัจจุบัน เชลโล่เองก็เป็นเครื่องดนตรีหลักที่เป็น ส่วนสำคัญไม่ว่าจะเป็นในวงควอเต็ด หรือในวงออร์เคสตราก็ตาม
ช่างทำเชลโล่ แอนเดรีย อมาตี
ช่างทำเชลโล่ คนแรกที่เป็นที่รู้จักคือ Andrea Amati เขาสร้างเชลโล่ให้กับกษัตริย์ฝรั่งเศส พระเจ้าชาร์ลที่ 9 ซึ่งเต็มไปด้วยการตบแต่ง, ลวดลายลงสี และก็คำขวัญ แอนเดรีย อมาตี มีลูกชาย สองคนคือ Girolamo และ Antonio ซึ่งก็เป็นช่างทำเชลโล่ด้วย ส่วนหลานชายของเขา ผู้ที่มีพรสวรรค์มากสุดในฐานะช่าง คือ Nicolo Amati เป็นช่างทำไวโอลิน และเชลโล่ ในอีกด้านหนึ่ง Antonio Stradivari ก็เป็นหนึ่งในลูกศิษย์ของนิโคโลด้วย
เชลโล่ของ อมาตีนั้น จะได้รับการตบแต่ง แต่ก็มิใช่ทุกอันจะทำแบบนี้ ยกตัวอย่างเช่น เชลโล่ที่ทำให้กับกษัตริย์ฝรั่งเศส พระเจ้าชาร์ลที่ 9 ได้รับการวาดและลงสีในส่วนด้านหลัง และในส่วนของด้านข้างของตัวเชลโล่ ส่วนด้านข้างในส่วนของ C-bout ในแต่ละข้างจะมีตัวอักษร K อยู่ซึ่งย่อมาจาก Karolus หมายถึง King Charles IX of France และในส่วนrib จะมีคำขวัญคือ Piety และ Justice
เชลโล่ของอมาตีนั้นจะมีรู 5 อันใน peg box ซึ่งอาจจะเป็นของดั้งเดิมหรือไม่ก็ได้ แต่เป็นที่รู้กันว่า มีการสร้าง เชลโล่ 5 สาย จนถึงศตวรรษที่ 18 สำหรับลวดลายบน เชลโล่ “the King” นั้น เชื่อกันว่ามีการทำขึ้นในภายหลังในช่วงประมาณปี ค.ศ. 1570 ช่างทำเชลโล่ในช่วงเดียวกันก็มีการตบแต่งแต่ ไม่ได้มีการตบแต่งเพื่อบุคคล หรือราชวงศ์ชั้นสูง เหมือนในกรณีนี้
การเปลี่ยนแปลงของเชลโล่จากอดีตถึงปัจุจบัน
แรกเริ่มเดิมที่เชลโล่นั้นไม่ได้มี end pin แต่ในไม่ช้ามันก็ได้เป็นมาตรฐานสำหรับเชลโล่โดยทั่วไป เนื่องจากมีนักเชลโล่ผู้หนึ่งได้เหลาแท่งไม้เพื่อช่วยในการตั้งเชลโล่ และนักเชลโล่คนอื่นก็ชื่นชอบในแนวคิดดังกล่าว
ย้อนกลับไปเมื่อศตวรรษที่ 15 ขนาดของเชลโล่นั้นมีขนาดใหญ่กว่าในปัจจุบันมาก คือ มีขนาดลำตัวประมาณ 30 ถึง 31 นิ้ว แต่ในปัจจุบันเชลโล่มีขนาดลำตัว ประมาณ 29 นิ้ว เชลโล่ที่ขนาดเล็กลงนี้ถูกสร้างขึ้นเมื่อประมาณ ปี ค.ศ. 1690 แต่มันยังไม่เป็นที่นิยมจนกระทั่งต้นปี ค.ศ. 1700 และเชลโล่ที่สร้างโดยช่างที่มีชื่อเสียงในยุคก่อนก็ถูกปรับให้เล็กลงด้วย
การเปลี่ยนขนาดในครั้งนั้นส่งผลให้การเล่นมือซ้ายของนักเชลโล่ทำได้ง่ายขึ้นมาก เนื่องจากแรงตึงสายที่ลดลง แต่การทำแบบนี้ก็ทำให้โทนเสียงในย่านต่ำของเชลโล่ลดลงเช่นเดียวกัน แต่งานประพันธ์ในช่วงดังกล่าวจะเขียนให้เชลโล่เล่นในส่วนของสายบนมากกว่าจึงทำให้ยังไม่เกิดปัญหา
ถ้าอ่านมาตั้งแต่ต้นจะพบว่ามีการกล่าวถึง Antonio Stradivari ซึ่งในปัจจุบันไวโอลินของเขาเป็นหนึ่งในไวโอลินที่มีชื่อเสียงและก็แพงมากที่สุด แต่เขาก็ยังเป็นช่างทำ เชลโล่ ด้วย เชลโล่ของเขามีมูลค่าสูงมากในปัจจุบัน ซึ่งเหมือกับช่างทำเชลโล่ที่มีชื่อเสียงท่านอื่น ซึ่งส่วนมากเป็นชาวอิตาเลียน
ในบางกรณี ช่างทำไวโอลิน ซึ่งทำเชลโล่ด้วย กับหาเงินได้มากว่าในการทำเชลโล่ขาย ซึ่งช่างคนดังกล่าวคือ Giovanni Battista Rogeri เชลโล่ของเขานั้นทำในช่วงประมาณ 1650 ย้อนกลับไปในปี ค.ศ. 1945 มีราคาอยู่ระหว่าง 2,500 เหรียญ ถึง 40,000 เหรียญ (อันนี้ทำโดย Antonio Stradivari) แต่แน่นอนว่าในปัจจุบันนี้มีราคาสูงกว่านี้มาก
ในศตวรรษที่ 19 เชลโล่เริ่มถูกสร้างขึ้นโดยเครื่องมากกว่าทำด้วยมือ เพราะทำให้ราคาของเชลโล่ถูกลงมาก และเสียงก็ไม่ค่อยจะดีเท่าไร ถึงแม้จะทำเป็นอุตสาหกรรมก็ไม่ได้หมายความว่าการดูแลจะแตกต่างกับเชลโล่ราคาสูง และก็ยังคงต้องการการปรับแต่งโดยช่างที่ชำนาญอยู่ดี
เชลโล่เป็นเครื่องดนตรี ที่มีเสียง 1 ออคเตป ต่ำกว่า วิโอล่า (หรือ 1 ออคเตป กับคู่ 5 ต่ำกว่าไวโอลิน) เชลโล่ให้เสียงที่อบอุ่น, นุ่ม ซึ่งเป็นส่วนสำคัญสำหรับ ช่วงเสียงต่ำใน วงออร์เคสตรา เชลโล่ก็ได้รับการประพันธ์บทเพลงในโซโล่ในบางครั้ง ซึ่งก็น้อยกว่าไวโอลินมาก แต่มันก็เป็นเครื่องดนตรีที่รู้จักกันมากเป็นอันดับสองในวงออร์เคสตรา